ผู้อำนวยการภาคพื้นยุโรปขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวว่า แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสในยุโรปยังคงเพิ่มขึ้น แต่ตนมองเห็นความเป็นไปได้ของ “จุดสิ้นสุดของการระบาดในยุโรป” ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
นายฮานส์ คลู้ก กล่าวในการประชุมแถลงข่าวออนไลน์จากสำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำยุโรป ในกรุงโคเปนเฮเกน โดยระบุว่า มีผู้ติดโควิด-19 เพิ่มขึ้น 12 ล้านคนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายสัปดาห์ที่มากที่สุดเป็นสถิติใหม่นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 เมื่อสองปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ผอ.ภาคพื้นยุโรปของ WHO กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยโควิดที่ต้องรักษาในโรงพยาบาลนั้นส่วนใหญ่อยู่ในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ และไม่ได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วเหมือนกับจำนวนผู้ติดเชื้อ ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่ต้องรักษาในห้องดูแลผู้ป่วยพิเศษนั้นมิได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกับจำนวนผู้เสียชีวิตที่ค่อนข้างคงที่
ฮานส์ คลู้ก กล่าวว่า การระบาดของโควิดจะยังไม่จบลงเร็ว ๆ นี้ แต่ถือเป็นครั้งแรกที่ตนมองเห็นสิ่งที่เรียกว่า “โอกาสในการควบคุมการระบาด” สืบเนื่องมาจากสามปัจจัยหลัก หนึ่งคือ วัคซีนโควิดที่มีจำนวนมากพอและภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้นในหมู่ประชาชนที่เคยติดเชื้อมาแล้ว สองคือ การเปลี่ยนฤดูกาลจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ และสามคือ ความชัดเจนว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อน ๆ
ผอ.ภาคพื้นยุโรปของ WHO เชื่อว่า ปัจจัยทั้งสามข้อนี้อาจนำไปสู่โอกาสของการเกิด “ภาวะสงบอันยาวนาน” และการมีระดับภูมิคุ้มกันหมู่ที่เพิ่มขึ้นต่อการระบาด แม้แต่กับเชื้อโอมิครอนกลายพันธุ์ที่อาจมีความร้ายแรงกว่าเดิมก็ตาม
คลู้ก เรียกสิ่งนี้ว่า “ช่วงเวลาสงบศึกที่อาจนำไปสู่สันติภาพระยะยาว” แต่ประเทศต่าง ๆ ยังจำเป็นต้องเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิดและเข็มบูสเตอร์ต่อไป โดยมุ่งไปที่กลุ่มประชาชนที่มีความเปราะบางมากที่สุด ในขณะที่ประชาชนทั่วไปก็ยังจำเป็นต้องใช้มาตรการป้องกันตัวเอง รวมถึงการสวมหน้ากากและเว้นระยะห่างทางสังคมต่อไป “ภายใต้การกำกับดูแลในระดับต่ำของรัฐบาลเพื่อจำกัดความเสี่ยงทางสังคมและเศรษฐกิจที่ไม่จำเป็น”
ผอ.ภาคพื้นยุโรปของ WHO ยังแนะนำให้เจ้าหน้าที่เพิ่มการตรวจสอบเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่เพื่อให้สามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที
แหล่งที่มาของข่าว