ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เปิดเผยผลสำรวจ ระบุว่า ผู้บริหารของบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ คาดว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตและขุดเจาะน้ำมันมากขึ้นในปี 2565 ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน บรรดาผู้บริหารก็แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ผู้บริหาร 49% ที่ตอบแบบสำรวจระบุว่า บริษัทของพวกเขาตั้งใจจะเพิ่มกำลังการผลิตในปี 2565 ขณะที่ 15% ตั้งใจจะรักษากำลังการผลิตไว้ที่ระดับเดิม และ 13% จะมุ่งเน้นการลดภาระหนี้สินของบริษัท
“ปัญหาติดขัดในห่วงโซ่อุปทานที่มีมากขึ้น ประกอบกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเป็นเงาตามตัว อาจนำไปสู่ปัญหาความล่าช้าและส่งผลกระทบต่อการขุดเจาะและดำเนินโครงการให้เสร็จสิ้นในปี 2565” ผู้บริหารรายหนึ่งระบุ ขณะที่บางส่วนเผยว่า ปัจจุบันบริษัทประสบปัญหาการสรรหาแรงงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ดัชนีคาดการณ์แนวโน้มตลาดน้ำมันระยะเวลา 6 เดือนปรับตัวลดลงจาก 58.9 จุดในไตรมาส 3/2564 สู่ 53.2 จุด แต่นับว่ายังอยู่ในเกณฑ์บวก ขณะเดียวกันดัชนีต้นทุนปัจจัยการผลิตพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยปรับตัวขึ้นจาก 60.8 จุดในไตรมาส 3 สู่ 69.8 จุด
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลโดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ตอบแบบสำรวจคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมัน จะอยู่ที่ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเดือนธ.ค.2565 ขณะที่คาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติ Henry Hub จะอยู่ที่ 4.06 ดอลลาร์/MMBtu ซึ่งทั้งสองตัวเลขเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับในปัจจุบัน
แหล่งที่มาของข่าว