รัฐบาลผสมชุดใหม่ของเยอรมนี ต้องการดึงดูดแรงงานต่างชาติที่มีทักษะ ประมาณ 400,000 คนต่อปี เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลของประชากร และการขาดแคลนแรงงาน ในภาคอุตสาหกรรมสำคัญ ซึ่งเสี่ยงเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากการระบาดของโควิด-19
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ว่า นายคริสเตียน เดอร์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยเสรี (เอฟดีพี) พรรคร่วมรัฐบาลผสมเยอรมนี กล่าวว่า การขาดแคลนแรงงานฝีมือ ได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ สำหรับเยอรมนีในขณะนี้ เนื่องจากมันทำให้เศรษฐกิจประเทศชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ ด้วยการนำเข้าแรงงานทักษะจากต่างประเทศ ประมาณปีละ 400,000 คน
พรรคสังคมประชาธิปไตย (เอสพีดี) ของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โซลซ์ พรรคเอฟดีพีของเดอร์ และพรรคกรีน ตกลงกันก่อนเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสม หลายมาตรการดำเนินการ รวมถึง การนำเข้าผู้เชี่ยวชาญจากประเทศต่างๆ นอกสหภาพยุโรป (อียู) และปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำแห่งชาติ เป็น 12 ยูโร (447.12 บาท) ต่อชั่วโมง เพื่อทำให้การทำงานในเยอรมนี น่าสนใจมากขึ้น
จากการประเมินของ สถาบันเศรษฐกิจเยอรมนี กำลังแรงงานของเยอรมนีจะลดลงกว่า 300,000 คนในปีนี้ เนื่องจากมีแรงงานสูงอายุเกษียณ มากกว่าจำนวนแรงงานวัยหนุ่มสาว ที่เข้าสู่ตลาดแรงงาน และคาดว่าช่องว่างนี้จะถ่างกว้าง สู่ระดับกว่า 650,000 คนในปี พ.ศ. 2572 ทำให้การขาดแคลนกลุ่มคนวัยทำงาน ตัวเลขสะสมสูงขึ้นประมาณ 5 ล้านคนในปี 2573
กำลังแรงงานของเยอรมนีในปีที่ผ่านมา เติบโตเกือบ 45 ล้านคน แม้จะประสบปัญหาการระบาดของโควิด-19.
แหล่งที่มาของข่าว