นายริค ไรเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนของแบล็กร็อก ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก ได้แนะนำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค. เนื่องจากภาวะปั่นป่วนในภาคธนาคารของสหรัฐและข้อมูลแรงงานที่มีกาเรปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัวลง
นายไรเดอร์กล่าวว่า แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 236,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. แต่ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 238,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานเดือนมี.ค.ยังอยู่ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยรอบ 3 เดือน, 6 เดือน และ 12 เดือน
“ข้อมูลแรงงานที่มีการเปิดเผยล่าสุด ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับภาวะสินเชื่อตึงตัวอันเนื่องมาจากภาคธนาคารเริ่มใช้มาตรการคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อหลังการล้มละลายของธนาคาร 2 แห่งในเดือนที่แล้ว ภาพเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัวลง และเฟดควรระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” นายไรเดอร์กล่าว
ทั้งนี้ เฟดได้เริ่มวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกในปีที่แล้ว โดยมีความมุ่งมั่นที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ขณะที่นักลงทุนในตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในเดือนหน้า โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 63.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 36.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
แหล่งที่มาของข่าว…