สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า โกลด์แมน แซคส์ เผยว่าสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรที่นำโดยจีนและญี่ปุ่น อาจปล่อยน้ำมันดิบในคลังน้ำมันสำรอง (SPR) ที่ 70 – 80 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่านักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะปล่อยน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองที่ 100 ล้านบาร์เรล
โกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า หากสหรัฐฯและชาติพันธมิตรปล่อยน้ำมันดิบในคลังสำรองในจำนวนดังกล่าวจริง จะทำให้การระบายน้ำมันจากคลังสำรองในครั้งนี้จะมีมูลค่าน้อยกว่า 2 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าการลดลงของราคาน้ำมันโลกที่ลดลงมากถึง 8 ดอลลาร์/บาร์เรล นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา และเมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตน้ำมันทั่วโลกแล้วการปล่อยน้ำมันดิบของสหรัฐฯถือว่าเป็นการลดลงเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ ยังได้กล่าวว่า OPEC+ อาจพิจารณาระงับการเพิ่มอัตราการผลิตน้ำมัน เพื่อชดเชยผลกระทบจากการปล่อยน้ำมันในคลังสำรองของสหรัฐฯและชาติพันธมิตร ซึ่งอาจทำให้ราคาน้ำมันโลกลดลง และอาจส่งผลกระทบกับการฟื้นตัวที่จำเป็นของโครงการลงทุนด้านน้ำมันทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรอบคอบในการเผชิญหน้ากับความเสี่ยงด้านอุปสงค์จากโควิด-19
ทั้งนี้ การที่สหรัฐฯและชาติพันธมิตรประกาศปล่อยน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ได้ทำให้ราคาน้ำมันดิบโลกสัญญาเวสต์เท็กซัส (WTI) เพิ่มขึ้นสู่ะดับ 78.74 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกสัญญา เบรนด์ (Brent) ได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 82.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์
แหล่งที่มาของข่าว