เวเทิล ลูนด์ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก K33 Research มองว่า รูปแบบราคาของ Bitcoin ในตอนนี้กำลังเคลื่อนไหวเหมือนกับตอนปี 2019 ทำให้ราคาของเหรียญดังกล่าวอาจพุ่งแตะ 45,000 ดอลลาร์ภายในเดือนพฤษภาคมนี้
_________โดย Bitcoin ถือได้ว่าเป็นเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตามตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยราคาปรับตัวขึ้นราว 80% นับตั้งแต่ต้นปี เอาชนะสินทรัพย์เสี่ยงในการเงินระบบดั้งเดิม อย่างเช่น ดัชนีหุ้น Nasdaq ที่เพิ่มขึ้น 16% ไปอย่างขาดลอย
แต่ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นในรอบนี้ของ Bitcoin เกิดขึ้นหลังจากมีการปรับตัวลงมาราว 76% ในรอบ 12 เดือน ก่อนจะทำจุดต่ำสุดไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนของปี 2022
ซึ่งเวเทิลมองว่า การปรับตัวอย่างรุนแรงและการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของ Bitcoin ในช่วง 2 ปีนี้ มีรูปแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2018-2019
โดยเวเทิลชี้ว่า จุดต่ำสุดของทั้งสองรอบที่ผ่านมาใช้เวลาประมาณ 370 วัน และผลตอบแทนจากจุดต่ำสุดไปถึงจุดสูงสุดหลังผ่านไปแล้ว 510 วัน จะสูงถึงประมาณ 60%
นักวิเคราะห์คนดังกล่าวยังได้ขยายความว่า ในปี 2018 ตลาดหมีกินเวลาถึง 556 จากจุดพีคเมื่อปี 2017 ซึ่งในวันที่ 29 มิถุนายน 2019 ราคาอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดรอบเก่า 34%
เมื่อปี 2018 ราคา Bitcoin ดิ่งลง 84% ทำจุดต่ำสุดที่ 3,100 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ก่อนที่แนวโน้มราคาจะเปลี่ยนกลับมาเป็นขาขึ้นในอีกไม่กี่เดือนถัดมา โดยราคาปีนขึ้นสู่ระดับ 3,700 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2019 ก่อนจะพุ่งขึ้นสู่ 13,800 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน 2019
“แม้ประวัติศาสตร์อาจจะไม่ซ้ำรอย แต่จะมีลักษณะคล้ายเดิม ราคาของ Bitcoin ก็อาจจะแตะจุดพีคที่ราว 45,000 ดอลลาร์ในช่วงวันที่ 20 พฤษภาคม 2023” เวเทิลกล่าว
และการปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีของ Bitcoin ถือได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวแบบภาวะกระทิงที่หลายคนเกลียด จากการที่เทรดเดอร์หลายคนมีการเทขาย Bitcoin อย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรก
ซึ่งการเคลื่อนไหวในลักษณะกระทิงที่หลายคนเกลียดนั้นมาจากการที่สินทรัพย์ดังกล่าวเข้าสู่จุดที่มีมุมมองแย่ที่สุดแล้ว จนทำให้นักลงทุนลดสัดส่วนกันมากจนถึงจุดหนึ่งที่เริ่มรู้สึกว่าเยอะจนเกินไป ก็เริ่มกลับเข้าไปซื้อใหม่ จนเกิดเป็นเทรนด์ขาขึ้นกลับมา
แหล่งที่มาของข่าว…