ภาพรวมทางเทคนิคของราคาทองคำ
ราคาทองคำขยับขึ้นเป็นวันที่สามติดต่อกัน แม้ว่าการปรับตัวขึ้นยังคงเผชิญแรงต้านในระดับหนึ่ง โดยได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยกลบผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นในวงกว้าง และยังคงรักษาแนวโน้มขาขึ้นของทองคำไว้ได้
ราคาทองคำกำลังฟื้นตัวจากระดับแนวรับสำคัญที่ 38.2% ของ Fibonacci Retracement จากแนวโน้มขาขึ้นในเดือนเมษายน ที่ระดับ $3,297 โดยเช้าวันศุกร์สามารถกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (50-day SMA) ที่ระดับ $3,325 ได้อีกครั้ง
ดัชนี Relative Strength Index (RSI) ระยะเวลา 14 วัน ได้ทะลุเส้นกลาง (ระดับ 50) ขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 50.50 ซึ่งเป็นสัญญาณว่าโมเมนตัมหรือความเชื่อมั่นของตลาดเริ่มเปลี่ยนไปในเชิงบวก
อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักลงทุนจำเป็นต้องรอดูการปิดของแท่งเทียนรายวันว่า สามารถปิดเหนือเส้น 50-day SMA ที่ $3,323 ได้หรือไม่ เพื่อเปิดทางให้ราคาทะลุขึ้นไปทดสอบเส้น 21-day SMA ที่ $3,344
หากราคายังไปต่อได้ แนวต้านต่อไปคือระดับ Fibonacci 23.6% ของการปรับขึ้นรอบเดียวกันที่ $3,377 ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับฝั่งซื้อ
ในทางกลับกัน หากราคาทองไม่สามารถปิดเหนือระดับ 50-day SMA ได้ อาจเผชิญแรงขายกดดันอีกครั้ง ส่งผลให้ราคากลับลงไปทดสอบแนวรับ Fibonacci 38.2% ที่ $3,297 และหากทะลุต่ำกว่านั้น ก็มีแนวโน้มจะลงต่อไปยังระดับต่ำสุดรายเดือนที่ $3,248
ปัจจัยพื้นฐานที่มีผลต่อราคาทองคำ
ในช่วงเช้าวันศุกร์ ตลาดในภูมิภาคเอเชียกลับมามีความระมัดระวังมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ออกมาประกาศมาตรการภาษีเพิ่มเติม ซึ่งกระตุ้นให้เกิดกระแสความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐและทองคำ
รายละเอียดสำคัญของมาตรการภาษี:
- ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาในอัตรา 35% เริ่มต้นวันที่ 1 สิงหาคม
- เตรียมเรียกเก็บภาษีในอัตราเหมา 15% หรือ 20% สำหรับประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่
- มีแนวโน้มว่าสหภาพยุโรป (EU) จะได้รับหนังสือแจ้งภาษีภายในวันศุกร์ ซึ่งลดทอนความหวังต่อความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป
ความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าของทรัมป์ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง และส่งเสริมความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทองคำยังไม่แสดงอาการหวาดกลัวต่อการแข็งค่าของดอลลาร์ในระยะสั้น เนื่องจากตลาดกำลังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยกำหนดทิศทางนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
ในช่วงที่ยังไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐฯ ตลาดจะยังคงเฝ้าระวังพาดหัวข่าวเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้จากประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ และการปรับตำแหน่งของนักลงทุนก่อนการประกาศ CPI น่าจะมีผลต่อราคาทองในระยะสั้น