นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะเป็น 3 ประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด หากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันครั้งล่าสุด
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 เม.ย.) กลุ่มโอเปกพลัสประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.16 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตลาด เนื่องจากก่อนหน้านี้มีกระแสคาดการณ์ว่าโอเปกพลัสจะคงนโยบายการผลิตที่ระดับเดิมไปจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนมากคาดการณ์ว่ามาตรการล่าสุดของโอเปกพลัสจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงสิ้นปีนี้
นายปาเวล มอลชานอฟ นักวิเคราะห์จากวาณิชธนกิจ Raymond James กล่าวว่า “ไม่ใช่สหรัฐที่จะได้รับผลกระทบหากราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เป็นประเทศที่ไม่มีแหล่งปิโตรเลียมและต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมัน ซึ่งประเทศเหล่านี้รวมถึงอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเยอรมนี
ขณะที่นายเฮนนิง กลอยสเต็น นักวิเคราะห์จาก Eurasia Group แสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า “ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันและการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ได้แก่ประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันในปริมาณมาก โดยเฉพาะประเทศในเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
“ส่วนอินเดียนั้น เป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมากเป็นอันดับ 3 ของโลก และหันไปซื้อน้ำมันราคาถูกจากรัสเซียนับตั้งแต่ชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพื่อตอบโต้กรณีส่งทหารรุกรานยูเครน แต่หากราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นต่อไป อินเดียก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนักด้วยเช่นกัน แม้สามารถซื้อน้ำมันราคาถูกจากรัสเซียก็ตาม โดยรัสเซียถือเป็นหนึ่งในสมาชิกรายใหญ่ของกลุ่มโอเปกพลัส”
“บางประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ไม่มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากพอที่จะสนับสนุนการนำเข้าน้ำมันนั้น จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งประเทศเหล่านี้รวมถึงอาร์เจนตินา ตุรกี แอฟริกาใต้ และปากีสถาน ส่วนศรีลังกาซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีการผลิตน้ำมัน แน่นอนว่าต้องได้รับผลกระทบตามไปด้วย” นายกลอยสเต็นกล่าว
แหล่งที่มาของข่าว…