By using this site, you agree to the Privacy Policy and Terms of Use.
Accept
ForexMonday
  • หน้าแรก
  • ข่าวสำคัญ
    ข่าวสำคัญShow More
    🔎 เจาะลึกคลังทองคำ Fort Knox ของสหรัฐ เล็งปรับมูลค่าดันทองโลกพุ่ง 💰✨
    กุมภาพันธ์ 25, 2025
    🇷🇺 เครมลินยินดีต่อแนวทางใหม่ของสหรัฐฯ หลังทรัมป์วิจารณ์เซเลนสกี 🇺🇸
    กุมภาพันธ์ 24, 2025
    🇺🇸 ทรัมป์-ปูติน อาจพบกัน ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าในการยุติสงครามยูเครน 🇷🇺 รูบิโอกล่าว
    กุมภาพันธ์ 21, 2025
    🔥 “ทรัมป์” เตรียมประกาศรีดภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% จากทุกประเทศวันนี้! ⚖️💥
    กุมภาพันธ์ 10, 2025
    **🔥 ทองคำทะลุทุกสถิติ! มูลค่าพุ่งแรงในปี 2024 🚀**
    มกราคม 22, 2025
  • ปฏิทินเศรษฐกิจ
    ปฏิทินเศรษฐกิจShow More
    🔥 แนวโน้มตลาดรายสัปดาห์ (6-10 มกราคม): เจาะลึกข้อมูลสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมตลาด! 📊
    มกราคม 5, 2025
    🔥📅 กิจกรรมสำคัญในสัปดาห์นี้:
    มีนาคม 11, 2024
    📅🚀 สัปดาห์สำคัญที่รอคอย: การประชุมสำคัญและข้อมูลทางเศรษฐกิจ 🚀📅
    กุมภาพันธ์ 20, 2024
    📈🚀 สัปดาห์ทองของตลาดหุ้น! จับตา S&P 500 พุ่งแตะ 5,000 ได้หรือไม่? 🎯📊
    กุมภาพันธ์ 5, 2024
    📈💼🎢 สัปดาห์สุดระทึกกับข่าวเศรษฐกิจที่คุณต้องไม่พลาด! 💼📈🎢
    มกราคม 29, 2024
  • บทวิเคราะห์
    บทวิเคราะห์Show More
    AUD/USD ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 0.6550 จากแรงขายดอลลาร์สหรัฐรอบใหม่
    ตุลาคม 28, 2025
    EUR/JPY ทรงตัวต่ำกว่า 178.00 เนื่องจากค่าเงินเยนอ่อนจากแนวโน้มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง
    ตุลาคม 27, 2025
    🔹 การคาดการณ์รายสัปดาห์ของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ: ดินแดนแห่งความสับสน
    ตุลาคม 25, 2025
    AUD/JPY ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกเหนือระดับ 99.50 เนื่องจากการเจรจาการค้าช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
    ตุลาคม 24, 2025
    GBP/USD ยังคงต่ำกว่า 1.3400 ก่อนการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักร
    ตุลาคม 22, 2025
  • วิดีโอ
    วิดีโอShow More
    รายการประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2023 ติดตามสมาชิก FOMC
    กรกฎาคม 11, 2023
    รายการประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2023 จับทิศทางตลาด
    มิถุนายน 19, 2023
    รายการประจำวันที่ 24 พฤษภาคม 2023 จับตาสามเหตุการณ์หลัก
    พฤษภาคม 25, 2023
    รายการประจำวันที่ 19 พฤษภาคม 2023 จับตาประธาน FED คืนนี้
    พฤษภาคม 22, 2023
    รายการประจำวันที่ 18 พฤษภาคม 2023 ติดตามรายงานบ้านมือสองสหรัฐ
    พฤษภาคม 19, 2023
Reading: เงินเฟ้อ : ตัวการป่วนเศรษฐกิจโลก
Dashboard Forexmonday
ForexMondayForexMonday
Aa
  • หน้าแรก
  • ข่าวสำคัญ
  • ปฏิทินเศรษฐกิจ
  • บทวิเคราะห์
  • วิดีโอ
  • Dashboard Forexmonday
Search
  • หน้าแรก
  • ข่าวสำคัญ
  • ปฏิทินเศรษฐกิจ
  • บทวิเคราะห์
  • วิดีโอ
  • Dashboard Forexmonday
Follow US
  • Advertise
© 2022 forexmonday News Network. Design Company. All Rights Reserved.
ForexMonday > Blog > บทวิเคราะห์ > บทวิเคราะห์หุ้นและข่าวต่างประเทศ > เงินเฟ้อ : ตัวการป่วนเศรษฐกิจโลก

เงินเฟ้อ : ตัวการป่วนเศรษฐกิจโลก

admin
Last updated: 2021/11/24 at 6:51 PM
admin Published พฤศจิกายน 24, 2021
Share
SHARE

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลกคงหนีไม่พ้นปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในหลายประเทศ โดยเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี ขณะที่เงินเฟ้อของอังกฤษสูงสุดในรอบ 10 ปี สิ่งนี้นับเป็นโจทย์ท้าทายเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางในการรับมือกับผลกระทบที่ตามมา

In Focus สัปดาห์นี้ ขอพาผู้อ่านมาทำความรู้จักกับเงินเฟ้อ และผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมทั้งการรับมือของเจ้าหน้าที่ทั่วโลกต่อปัญหาดังกล่าว

เงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูงสุดรอบกว่า 30 ปี

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2533 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.9% จากระดับ 5.4% ในเดือนก.ย.

นอกจากนี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6% จากระดับ 0.4% ในเดือนก.ย.

ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% จากระดับ 0.2% ในเดือนก.ย. และพุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2533 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.0% จากระดับ 4.0% ในเดือนก.ย.

เงินเฟ้ออังกฤษพุ่งสูงสุดรอบ 10 ปี

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 4.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.9% หลังจากดีดตัวขึ้น 3.1% ในเดือนก.ย.

เงินเฟ้อยูโรโซนสูงกว่าเป้าหมาย ECB กว่า 2 เท่า

สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนี CPI ของยูโรโซนดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 4.1% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำหนดไว้กว่า 2 เท่า

ทั้งนี้ ดัชนี CPI ของยูโรโซนได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน รวมทั้งการปรับตัวขึ้นของราคาอาหารและราคาในภาคบริการ

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ ECB ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบรายปี

CPI = Consumer Pain Index?

นักวิเคราะห์จากเวลส์ฟาร์โกพูดล้อเลียนดัชนี CPI (Consumer Price Index) หรือ “ดัชนีราคาผู้บริโภค” ว่า ที่ถูกต้องนั้น ดัชนี CPI ย่อมาจาก Consumer Pain Index หรือ “ดัชนีความเจ็บปวดของผู้บริโภค” เนื่องจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นทำให้มูลค่าของเงินในกระเป๋าลดลง ทำให้ผู้บริโภคซื้อของได้น้อยลง และเหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นขณะที่ผู้บริโภคกำลังเตรียมจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลสำคัญ ได้แก่ วัน Black Friday ในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า หรือวันคริสต์มาสในช่วงท้ายปี

มีการคาดการณ์กันว่า ชาวอเมริกันจะต้องควักเงินในกระเป๋ามากขึ้น 14% สำหรับการจัดเตรียมอาหารมื้อค่ำในวันขอบคุณพระเจ้าในปีนี้ ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 31 ปี

เงินเฟ้อพุ่งฉุดความเชื่อมั่นผู้บริโภคดิ่งต่ำสุด 10 ปี

ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 66.8 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2554 จากระดับ 72.8 ในเดือนก.ย.

นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 72.5

ดัชนีได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ สถานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล

IMF เตือนเงินเฟ้อกระทบเศรษฐกิจโลก

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในสหรัฐอาจสร้างปัญหาเชิงระบบทั้งต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และเศรษฐกิจโลก

IMF ยังเตือนว่าภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น อาจแก้ไขได้ยากในหลายประเทศ หากปัญหาชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานยังคงดำเนินต่อไป

นอกจากนี้ แม้เงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มอ่อนตัวลงในปีหน้า แต่ก็ยังคงต้องถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีความเสี่ยงในช่วงขาขึ้น

ชำแหละเบื้องหลังเงินเฟ้อพุ่ง

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในสหรัฐถือเป็นทุกขลาภที่เกิดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563

ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจน่าจะเป็นข่าวดี แต่เป็นความจริงเพียงด้านเดียว เนื่องจากในช่วงแรกของการแพร่ระบาด รัฐบาลสหรัฐได้บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ภาคธุรกิจพากันปิดกิจการ ส่งผลให้มีการปลดแรงงานออกจากระบบถึง 22 ล้านตำแหน่ง ขณะที่เศรษฐกิจหดตัวลงเป็นประวัติการณ์ถึง 31% ในไตรมาส 2/2563

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจสหรัฐกลับฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ได้อัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่ระบบ รวมทั้งมีการระดมฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่ชาวอเมริกันในวงกว้าง ซึ่งทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายลง ส่งผลให้รัฐบาลประกาศเปิดเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคพากันออกมาใช้จ่าย หลังจากถูกอั้นไว้ในช่วงที่ถูกล็อกดาวน์

อย่างไรก็ดี ภาคธุรกิจซึ่งได้ปลดแรงงานจำนวนมากก่อนหน้านี้ ไม่สามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอต่อการรองรับอุปสงค์ในตลาด ขณะที่ท่าเรือต่างๆก็ยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับการขนส่งสินค้าจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดภาวะคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน

นอกจากนี้ ชาวอเมริกันจำนวนหนึ่งที่ถูกปลดออกจากงาน ต่างก็ไม่มีแรงจูงใจที่จะกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน เนื่องจากมีความพอใจต่อมาตรการของรัฐบาลในการแจกเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จึงเลือกที่จะเป็นคนว่างงานต่อไป

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น เนื่องจากการเปิดเศรษฐกิจในหลายประเทศได้ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น ขณะที่การผลิตน้ำมันของสหรัฐในอ่าวเม็กซิโกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หลังจากได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนก่อนหน้านี้

ปัจจัยทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าว ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าพุ่งขึ้น และบริษัทต่างๆก็ได้ผลักภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้แก่ผู้บริโภค ด้วยการบวกเข้าไปในราคาสินค้า ส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์

เราจะเห็นได้ว่าเงินเฟ้อในรอบนี้เกิดจากทั้งปัจจัย Demand-Pull และ Cost-Push คือเงินเฟ้อที่เกิดจากทั้งฝั่งอุปสงค์และอุปทาน

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังระบุว่า การที่รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินหลายล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่เฟดทำ QE ด้วยการพิมพ์เงินแบบไม่อั้นเข้าสู่ระบบ ก็กลายเป็นดาบ 2 คม โดยในแง่หนึ่งทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น แต่อีกแง่หนึ่งก็ได้ทำให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ไบเดน” ชูมาตรการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานช่วยแก้ปัญหาคอขวด

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวว่า กฎหมายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน วงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสจะช่วยแก้ปัญหาภาวะคอขวดด้านอุปทานที่เกิดขึ้น ซึ่งหากทำได้สำเร็จก็จะช่วยบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดจากอุปทาน โดยจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตในตลาด ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวลง

ทั้งนี้ โครงการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ปธน.ไบเดนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก โดยโครงการดังกล่าวจะรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณในการก่อสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ ท่าเรือ ปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ

คาดสหรัฐยังเผชิญเงินเฟ้อสูงต่อไปอีก 1 ปี

นักวิเคราะห์ระบุว่าภาวะเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป ตราบใดที่บริษัทต่างๆยังคงต้องดิ้นรนในการผลิตสินค้าเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภค

“เรายังคงต้องจับตาอุปสงค์ที่พุ่งขึ้นในเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจยังคงสามารถผลักภาระต้นทุนให้ผู้บริโภคได้” นายริค ไรเดอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทแบล็คร็อคกล่าว

ทางด้านนางเมแกน กรีน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันโครล กล่าวว่า “เงินเฟ้อและเศรษฐกิจจะกลับสู่ภาวะปกติในที่สุด โดยเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเพียง ‘ชั่วคราว’ แต่ดิฉันคิดว่า คำว่า ‘ชั่วคราว’ นี้ จะกินเวลาอีกราว 1 ปี”

ส่วนนายเจสัน เฟอร์แมน อดีตที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า “ผมคิดว่าเงินเฟ้อจะอยู่กับเราอีกระยะหนึ่ง แม้ว่าไม่สูงเท่ากับที่เราเจอมาในปีนี้ แต่ก็จะยังคงอยู่ในระดับสูงมากเมื่อเทียบกับสถิติที่ผ่านมา”

คาดเศรษฐกิจสหรัฐไม่เผชิญ stagflation

การพุ่งขึ้นของดัชนี CPI ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าสหรัฐจะกลับมาเผชิญภาวะ stagflation เหมือนในช่วงทศวรรษ 1970 ซึ่งเป็นช่วงที่เงินเฟ้อพุ่งสูง พร้อมกับภาวะเศรษฐกิจซบเซา และอัตราว่างงานพุ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้ไม่เหมือนกับในช่วงทศวรรษ 1970 โดยอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ และสถานะทางการเงินของภาคครัวเรือนมีเสถียรภาพ

Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยธุรกิจ ระบุว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคในเดือนต.ค.พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2551 แต่ผู้บริโภคก็ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อตลาดแรงงาน

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะดีดตัวขึ้นในไตรมาส 4/2564 ทำให้สหรัฐเผชิญแต่ปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูงเพียงอย่างเดียว แต่เศรษฐกิจจะไม่ซบเซา

เฟดยันไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย แม้เงินเฟ้อพุ่ง

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้น ได้สะท้อนถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ซึ่งในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 3 พ.ย. เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมกับประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. ซึ่งการลดวงเงิน QE ดังกล่าวจะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้มีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม

“การตัดสินใจปรับลดวงเงิน QE ไม่ได้แปลว่าเรากำลังส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ย โดยเราจะยังคงทำการทดสอบภาวะเศรษฐกิจอย่างเข้มงวดมากขึ้น ก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยคือการที่ตลาดแรงงานขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ ทั้งในแง่ของตัวเลขจ้างงานและอัตราการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงาน” นายพาวเวลกล่าว

อย่างไรก็ดี นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ เรียกร้องให้เฟดเร่งการปรับลด QE เพื่อให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยเร็วที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิในปีหน้า หลังเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี และมีการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมี.ค.2565 จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ค.2565

นักลงทุนฟันธง BoE นำร่องแบงก์ชาติโลกขึ้นดอกเบี้ยเดือนหน้า หลังเงินเฟ้อพุ่งนิวไฮ 10 ปี

ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนธ.ค. หลังเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี โดย BoE จะเป็นธนาคารกลางแห่งแรกในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของโลกที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่แล้ว

ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า ขณะนี้มีแนวโน้มเกือบ 100% ที่ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.15% สู่ระดับ 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 16 ธ.ค. หลังจากที่ BoE สร้างความประหลาดใจต่อตลาดด้วยการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย.

ก่อนหน้านี้ นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE ส่งสัญญาณบ่งชี้ว่า BoE มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น

นายเบลีย์กล่าวว่า BoE จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ แม้เขาเชื่อว่าการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อในระยะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว

นายเบลีย์คาดการณ์ว่าการพุ่งขึ้นของราคาพลังงานจะเป็นปัจจัยผลักดันให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นต่อไป ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น

ECB ยันปีหน้ายังไม่ขึ้นดอกเบี้ย แม้เงินเฟ้อพุ่ง

นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อยู่ในกลุ่มธนาคารกลางขนาดใหญ่ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้าที่สุด แม้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น

นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่า ECB จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า แม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม

นางลาการ์ดกล่าวว่า เงื่อนไขต่างๆ ที่จะนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้านั้น “ยังไม่มีแนวโน้มเป็นที่น่าพอใจ โดยแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในระยะกลางยังคงซบเซา และเมื่อยึดตามกฎเกณฑ์ของสัญญาณชี้นำทิศทางนโยบายการเงิน จึงยังไม่เป็นการเหมาะสมที่ ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย”

นอกจากนี้ นางลาการ์ดไม่เห็นด้วยกับการที่หลายฝ่ายวิตกกังวลว่า อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้นนั้น อาจจะส่งผลให้ค่าจ้างและราคาปรับตัวสูงขึ้น

“เรามองว่าการขยายตัวของค่าจ้างในปีหน้าอาจจะสูงกว่าในปีนี้ แต่ความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบระลอกที่สองนั้น ยังคงอยู่ในวงจำกัด” นางลาการ์ดกล่าว

ไทยควรเตรียมรับมือเงินทุนไหลออก หากต่างชาติขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ

คาดว่าธนาคารกลางหลายแห่งอยู่ในระหว่างเตรียมการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น โดยในบรรดาธนาคารกลางขนาดใหญ่นั้น คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วที่สุด ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเดือนหน้า ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกลางปีหน้า ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว อาจส่งผลกระทบทำให้เงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ ซึ่งรวมถึงไทย เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่า เจ้าหน้าที่จึงควรเตรียมการรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ

บทความจาก สำนักข่าวอินโฟเควสท์ 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่….

In Focus: เงินเฟ้อ : ตัวการป่วนเศรษฐกิจโลก

You Might Also Like

AUD/USD ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 0.6550 จากแรงขายดอลลาร์สหรัฐรอบใหม่

EUR/JPY ทรงตัวต่ำกว่า 178.00 เนื่องจากค่าเงินเยนอ่อนจากแนวโน้มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง

🔹 การคาดการณ์รายสัปดาห์ของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ: ดินแดนแห่งความสับสน

AUD/JPY ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกเหนือระดับ 99.50 เนื่องจากการเจรจาการค้าช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน

GBP/USD ยังคงต่ำกว่า 1.3400 ก่อนการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักร

TAGGED: เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจ, เศรษฐกิจโลก, โลก
admin พฤศจิกายน 24, 2021
Share this Article
Facebook Twitter Email Print
Previous Article เหรียญ SAND พุ่งกว่า 27%
Next Article กนง. จับตาพัฒนาการอัตราเงินเฟ้อ
Track all markets on TradingView

Follow US

Find US on Social Medias
87k Like
64.1k Follow
2.3k Follow
31k Subscribe

Weekly Newsletter

Subscribe to our newsletter to get our newest articles instantly!

Popular News
ข่าวสำคัญหุ้นและข่าวต่างประเทศ

BoE สร้างเซอร์ไพรซ์

admin admin ธันวาคม 17, 2021
🇩🇪💼 **แบงก์ชาติเยอรมนีเตือนภาวะถดถอยใกล้เข้ามา!** 💼🇩🇪
กูรูชี้หากรัสเซียบุกยูเครนจะสร้างความเสียหายให้ตลาดการเงินทั่วโลก
สื่อตีข่าว “คิม จองอึน” เดินทางเยือนรัสเซีย ร่วมถก “ปูติน” สัปดาห์นี้
ปฏิทินเศรษฐกิจประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2021
- Advertisement -
Ad imageAd image
Global Coronavirus Cases

Confirmed

0

Death

0

More Information:Covid-19 Statistics

You Might Also Like

AUD/USD ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 0.6550 จากแรงขายดอลลาร์สหรัฐรอบใหม่

ตุลาคม 28, 2025

EUR/JPY ทรงตัวต่ำกว่า 178.00 เนื่องจากค่าเงินเยนอ่อนจากแนวโน้มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง

ตุลาคม 27, 2025

🔹 การคาดการณ์รายสัปดาห์ของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ: ดินแดนแห่งความสับสน

ตุลาคม 25, 2025

AUD/JPY ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกเหนือระดับ 99.50 เนื่องจากการเจรจาการค้าช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ตุลาคม 24, 2025
Previous Next
about us

.

71k Like
62.2k Follow
2.1k Follow
16.1k Subscribe

© forexmonday.com. Design Company. All Rights Reserved.

Removed from reading list

Undo
Welcome Back!

Sign in to your account

Lost your password?