“ไบออนเทค” แจงต้องเร่งปรับสูตรวัคซีนโควิดเพื่อต้านสายพันธุ์โอไมครอน
นายอูกูร์ ซาฮิน ซีอีโอของไบออนเทค (BioNTech) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติเยอรมันกล่าวเมื่อวันศุกร์ (3 ธ.ค.) ว่า จะต้องมีการปรับสูตรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เนื่องจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน สามารถติดต่อกันได้ง่ายขึ้น แม้กระทั่งในผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว
นายซาฮินกล่าวในการประชุมรอยเตอร์ เน็กซ์ (Reuters Next) ว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเป็น “สายพันธุ์หลบหนี” (escape variant) ซึ่งหมายความว่า สายพันธุ์ดังกล่าว “อาจทำให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อได้” อย่างไรก็ดี ไบออนเทคเชื่อว่า “ผู้ที่ติดเชื้อโอไมครอนหลังฉีดวัคซีน จะยังคงได้รับการป้องกันจากการเกิดอาการป่วยรุนแรงของโรคโควิด-19”
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน 32 ตำแหน่งจากทั้งหมด 50 ตำแหน่งที่พบในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อโปรตีนหนาม ซึ่งเชื้อไวรัสใช้เพื่อเข้าและเพิ่มจำนวนในเซลล์ของมนุษย์ โดยวัคซีนส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่กลไกนี้และบรรดานักวิจัยเชื่อว่าระบบภูมิคุ้มกันอาจไม่สามารถจำแนกโปรตีนดังกล่าวได้อย่างพอเพียงอีกต่อไป เนื่องด้วยมีจำนวนการกลายพันธุ์สูง
นายซาฮินเปิดเผยว่า ไบออนเทคน่าจะปรับสูตรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทได้ค่อนข้างเร็ว พร้อมเสริมว่า เขาไม่ได้คาดคิดว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์สูงอย่างโอไมครอน จะปรากฏขึ้นจนกว่าจะถึง “ช่วงปีหน้า”
ไบออนเทคได้เริ่มพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ที่มีการปรับสูตรตามเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว แต่วัคซีนตัวใหม่นี้ยังไม่สามารถป้องกันการระบาดระลอกแรกของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้ เนื่องจากขั้นตอนการพัฒนาสู่การฉีดจริงจะใช้เวลาราว 100 วัน
ทั้งนี้ เมื่อนับถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ไบออนเทคและไฟเซอร์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนนั้น ได้ทำการจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ปริมาณมากกว่า 2,000 ล้านโดสให้กับประเทศและภูมิภาคกว่า 150 แห่งทั่วโลกแล้ว โดยทั้งสองบริษัทคาดการณ์ว่า กำลังการผลิตวัคซีนจะสูงแตะ 4,000 ล้านโดสในปี 2565
แหล่งที่มาของข่าว