เครมลินยินดีต่อแนวทางใหม่ของสหรัฐฯ หลังทรัมป์วิจารณ์เซเลนสกี

เครมลินได้ออกมายกย่องรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ที่พยายามทำความเข้าใจถึง “สาเหตุที่แท้จริง” ของความขัดแย้งในยูเครน และมุ่งหาทางยุติปัญหาดังกล่าว ซึ่งเครมลินระบุว่าเป็นจุดยืนที่แตกต่างอย่างชัดเจนจากแนวทางของยุโรป

Contents

ยุโรปยังคงคว่ำบาตร การขจัด ‘อุปสรรค’ ในความสัมพันธ์

คำแถลงนี้ถือเป็นหนึ่งในการยอมรับอย่างชัดเจนที่สุดของเครมลินเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อห้าสัปดาห์ก่อน

หลังจากที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของโจ ไบเดน พยายามกดดันและโดดเดี่ยวมอสโกมาตลอดสามปี ทรัมป์ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และให้การสนับสนุนบางส่วนต่อแนวทางของเครมลินเกี่ยวกับความขัดแย้งดังกล่าว

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้เรียกประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนว่าเป็น “เผด็จการ” และกล่าวเป็นนัยว่ายูเครนเป็นฝ่ายเริ่มต้นสงคราม ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน หลังจากที่ปูตินประกาศ “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” และส่งกองทัพเข้าไปในยูเครน

เมื่อถูกถามถึงคำกล่าวของทรัมป์ที่ตำหนิเซเลนสกีและไบเดน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวว่ารัฐบาลของทรัมป์เองก็ได้ระบุว่าจะปรับเปลี่ยนแนวทางของตนที่มีต่อรัสเซีย

“นี่คือสิ่งที่เรายินดีและสนับสนุน นี่เป็นประเด็นแรก ประเด็นที่สอง เราหวังว่าวอชิงตันจะทำการวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งในยูเครนอย่างถี่ถ้วน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเคยพยายามกระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามในยุโรปให้ความสนใจมาโดยตลอด แต่พวกเขากลับปฏิเสธที่จะทำ เช่นเดียวกับรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้” เปสคอฟกล่าว

รัสเซียได้ยืนกรานมาโดยตลอดว่าจำเป็นต้องเปิดฉากสงครามเพื่อปกป้องชาวรัสเซียในยูเครน และป้องกันตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้มั่นใจว่ายูเครนจะไม่สามารถเข้าร่วม NATO ได้ อย่างไรก็ตาม ยูเครนและชาติตะวันตกมองว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างในการรุกรานแบบล่าอาณานิคม

“หากปราศจากการวิเคราะห์เชิงลึกและความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งในยูเครนแล้ว ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะดำเนินการเพื่อหาทางออกอย่างเหมาะสม” เปสคอฟกล่าว

“และตอนนี้เรากำลังเห็นว่าวอชิงตันพยายามทำความเข้าใจถึงที่มาของความขัดแย้งนี้อย่างแท้จริง และเราหวังว่าการวิเคราะห์นี้จะช่วยให้เกิดความพยายามในการหาข้อยุติของความขัดแย้งดังกล่าว”

ยุโรปยังคงคว่ำบาตร

ในทางตรงกันข้าม เปสคอฟกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีพื้นฐานใดที่เอื้อต่อการกลับมาเจรจากับประเทศในยุโรป ซึ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม รวมถึงการสั่งห้ามนำเข้าอะลูมิเนียมจากมอสโก เขายังระบุว่ามาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวเป็นสิ่งที่ “คาดการณ์ได้อยู่แล้ว”

การขจัด ‘อุปสรรค’ ในความสัมพันธ์

นักวิจารณ์ของทรัมป์ได้กล่าวหาว่าเขากำลัง “ขายชาติ” โดยยอมอ่อนข้อให้กับรัสเซียตั้งแต่ก่อนการเจรจาจะเริ่มขึ้น ยูเครนและชาติพันธมิตรในยุโรปกังวลว่าข้อตกลงระหว่างปูตินกับทรัมป์อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้พวกเขาถูกกันออกจากโต๊ะเจรจา ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของตน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของทรัมป์กล่าวว่านโยบายของสหรัฐฯ นั้นเป็นเพียงการยอมรับ “ความเป็นจริง” ของสถานการณ์ และมุ่งเน้นไปที่การยุติการนองเลือด

เปสคอฟกล่าวว่า การหารือครั้งต่อไปกับฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้ จะเน้นไปที่การขจัด “อุปสรรค” ในความสัมพันธ์ทวิภาคี รวมถึง “การปลดล็อก” การทำงานของสถานทูต ซึ่งได้รับผลกระทบจากข้อพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์สินทางการทูตและจำนวนเจ้าหน้าที่ทางการทูต

เขากล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียจะประกาศในเวลาที่เหมาะสมเกี่ยวกับสถานที่และเวลาที่จะมีการเจรจาครั้งต่อไป

#ทรัมป์มาแล้ว #เครมลินยิ้ม #ศึกการทูต #ยูเครนรัสเซีย #สงครามยูเครน #รัสเซียอเมริกา #NATO #TrumpVsBiden #ยุโรปคว่ำบาตร #BreakingNews