ในโลกแห่งการลงทุน, นักลงทุนทั่วไปกำลังปรับเปลี่ยนทิศทางการลงทุนหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมนี้!
การเคลื่อนไหวนี้มาพร้อมกับคำพูดจากนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกบอร์ดผู้ว่าการเฟด, ที่ชี้แจงว่าการปรับลดดอกเบี้ยจะไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้.
ตามข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group, นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 63.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ลงสู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค., ซึ่งลดลงจากน้ำหนักเดิมที่ 76.9% ในขณะที่ความน่าจะเป็นที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ในการประชุมเดียวกันนั้นอยู่ที่ 35.1%, เพิ่มขึ้นจาก 19.0% ก่อนหน้านี้!
นายวอลเลอร์ได้เน้นย้ำว่าเฟดมีแผนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่จะดำเนินการอย่างระมัดระวังและไม่รีบร้อน. นอกจากนี้, เขากล่าวว่า “ตราบใดที่เงินเฟ้อไม่ดีดตัวขึ้นและทรงตัวในระดับสูง, ผมเชื่อว่าเฟดจะสามารถปรับลดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้, และผมเชื่อว่าเฟดจะดำเนินการอย่างเป็นระบบและอย่างระมัดระวัง”
เขายังได้เน้นว่าในวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมา, เฟดได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวนมาก. อย่างไรก็ตาม, ในรอบนี้, เขายังไม่เห็นเหตุผลที่เฟดจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเหมือนในอดีต.
FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่านักลงทุนคาดการณ์เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 7 ครั้งในปีนี้, ซึ่งน่าสนใจว่ามีความแตกต่างจากการคาดการณ์ของเฟดเองที่คาดว่าจะมีการปรับลดเพียง 3 ครั้งเท่านั้น!
นอกจากนี้, นายวอลเลอร์ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าเขาคาดหวังว่าเฟดจะบรรลุเป้าหมายในการทำให้เงินเฟ้อกลับสู่ระดับ 2%, แต่เขายังคงต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะประกาศชัยชนะเหนือเงินเฟ้อ.
สรุปได้ว่า, ตลาดการเงินกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนและความคาดหวังที่ผันผวนเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยจากเฟด. สถานการณ์นี้จะยังคงเป็นจุดสนใจสำคัญในวงการการเงินโลกในช่วงเวลาต่อไป!
#การเงิน #เฟด #ดอกเบี้ย #ตลาดหุ้น #เงินเฟ้อ #การลงทุน #FedWatch #CMEGroup #ความไม่แน่นอน #ตลาดการเงิน