เงินบาทของไทยได้อ่อนค่าลงตามสกุลเงินเอเชียและเงินหยวน, ประกอบกับแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ 🌏💰
จับตาปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า (11-15 ธ.ค.), ผลการประชุมนโยบายการเงิน, ตัวเลขประมาณการ, Dot Plots ของเฟด, ผลประชุม ECB และ BOE, สัญญาณเงินทุนต่างชาติ, และทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก 🌍🔍
วันที่ 10 ธันวาคม 2566, ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปว่าเงินบาทได้อ่อนค่าลงหลังจากที่แข็งค่าขึ้นชั่วคราวต้นสัปดาห์, โดยได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ 📈🏦
อย่างไรก็ตาม, เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงตามทิศทางของราคาทองคำ, โดยสกุลเงินเอเชียเผชิญแรงกดดันจากการปรับลด outlook ของอันดับเครดิตจีนโดย Moody’s จาก “stable” เป็น “negative” 📉📊
เงินดอลลาร์ฯ ยังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อคืนก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ และคาดการณ์ว่า ECB อาจผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีหน้า 💲📈
สำหรับวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค., เงินบาทปิดที่ 35.33 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 35.03 บาทในวันศุกร์ก่อนหน้านี้ 💵📉
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 4,763 ล้านบาท และมีสถานะ Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 1,522 ล้านบาท 🌏🔽
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-15 ธ.ค.), ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.80-35.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ, โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามรวมถึงปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ 💹📌