นักลงทุนกำลังแบ่งเบาความคิดเห็นกันอย่างสูสีเลยทีเดียว! พวกเขาเริ่มให้น้ำหนักใกล้เคียงกันต่อการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตัดสินใจลดหรือคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้. สถานการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐได้เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาด, ซึ่งอาจเป็นตัวเร่งให้เฟดต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงไปอีกนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้.
ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 56.3% กับการที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ลงสู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 11-12 มิถุนายน, ซึ่งเปลี่ยนแปลงมาจาก 63.8% ในสัปดาห์ที่แล้ว. ในขณะเดียวกัน, มีน้ำหนัก 41.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25-5.50%, เพิ่มขึ้นจาก 29.8% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว.
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ได้เปิดเผยด้วยว่าดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐได้พุ่งขึ้นสู่ระดับ 50.3 ในเดือนมีนาคม, จากระดับ 47.8 ในเดือนกุมภาพันธ์, และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 48.1. ดัชนีที่สูงกว่า 50 นี้บ่งบอกถึงการขยายตัวของภาคการผลิต, ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 17 เดือน.
นอกจากนี้, นายเจอโรม พาวเวล, ประธานเฟด, ได้กล่าวถึงดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) โดยเน้นย้ำว่า เฟดจะไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยในขณะที่เศรษฐกิจยังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อยังคงสูง. “เราต้องการเห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมในการควบคุมเงินเฟ้อ ก่อนที่เราจะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย” นายพาวเวลกล่าว.
ตอนนี้ตลาดทุกตาจับจ้องไปที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้. นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานอาจมีเพียง 205,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคม, ชะลอตัวลงจาก 275,000 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์, ขณะที่อัตราว่างงานคาดว่าจะทรงตัวที่ 3.9%.
#ดอกเบี้ย #เฟด #ตลาดหุ้น #การจ้างงาน #เศรษฐกิจสหรัฐ #ดัชนีISM