ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นโบอิ้งที่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากทางบริษัทประกาศแผนลดการผลิตเครื่องบินรุ่น 737 นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ได้รับปัจจัยลบจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มสายการบิน อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และเวลส์ ฟาร์โก ที่มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,341.02 จุด ลดลง 83.97 จุด หรือ -0.32% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,895.77 จุด เพิ่มขึ้น 3.03 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,953.88 จุด เพิ่มขึ้น 15.19 จุด หรือ +0.19%
— ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นส่งผลกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตากระบวนการที่อังกฤษจะต้องถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 12 เม.ย.นี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลบ 0.19% ปิดที่ 387.51 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,471.78 จุด ลดลง 4.42 จุด หรือ -0.08% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,963.40 จุด ลดลง 46.35 จุด หรือ -0.39% ขณะที่ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,451.89 จุด เพิ่มขึ้น 5.02 จุด หรือ +0.07%
— ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนในตลาดยังคงมุ่งความสนใจไปที่กระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,451.89 จุด เพิ่มขึ้น 5.02 จุด หรือ +0.07%
อ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/iq20/2976993