ราคาของ Bitcoin ร่วงลงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาจากการขาดทุนที่เริ่มต้นเมื่อเดือนที่แล้วและโดยรวมในสัปดาห์นี้หลังจากที่เจ้าที่ FED ชี้แจงชัดเจนในการสนับสนุนทางด้านการเงินสำหรับตลาดกำลังหมดไปเร็ว ๆ นี้
ผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดของ Cryptocurrency ปรับตัวร่วงลงประมาณ 29% เหลือ 48,100 ดอลล่าร์ต่อเหรียญ ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายนเมื่อราคาแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติกาลสินทรัพย์การเก็งกำไรอื่นๆส่วนใหญ่รวมถึงหุ้นที่มีการเติบโตขึ้นในระดับสูงสุดเริ่มปรับตัวลงพร้อมกัน
วันเสาร์มีการขาย Bitcoin เพิ่มขึ้นโดยลดลงมากกว่า 20% ก่อนที่จะมีการดีดกลับขึ้น ซึ่งในฝั่งของ crypto มีการปรับตัวลงและขาดทุนประมาณ 10,000 ดอลล่าร์ใน 1 ชั่วโมงตามรายงานของ CoinDesk ซึ่งเว็บไซต์กล่าวว่าในส่วนของราคาของ Ether ลดลงแตะในระดับ 16% ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ในการร่วงลงในครั้งนี้และในการร่วงลงในสัปดาห์นี้ดูเหมือนจะสอดคล้องกันกับเชื้อไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนและความคิดเห็นของประธาน FED ที่มีการส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางจะมีการลดขนาด QE เร็วขึ้นเพื่อยุติการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงของการระบาดครั้งใหญ่
การประกาศดังกล่าวอาจจะทำให้เงินไหลเข้าพันธบัตรน้อยลงซึ่งอาจจะทำให้ราคาพันธบัตรต่ำลงและเพิ่มของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลและจากอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นระยะยาวทำให้สินทรัพย์ที่มีการเก็งกำไรมากที่สุด ซึ่งเป็นความคาดหวังของระยะยาวของเราลงทุนที่มีความสนใจน้อยกว่าที่จะเป็นเจ้าของ และตลาดหุ้นจะดึงกลับมาในสัปดาห์นี้เช่นกัน
ในส่วนของ Bitcoin มีความน่าสนใจในการซื้ออยู่แล้วเนื่องจากปรับตัวลง โดยที่ประธานาธิบดีแห่งเอลซัลวาดอร์ประกาศว่าประเทศของเขาจะเข้าซื้อบิทคอยน์ในราคาเพียง 48,000 ดอลลาร์
ความผันผวนไม่ได้ทำให้นักลงทุน Bitcoin ตลาดใจแต่อย่างใดสกุลเงินมีการเพิ่มขึ้น 63% เมื่อเทียบเป็นรายปีแต่มีการเสียมูลค่าไปเพียงครึ่งเดียวตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงจุดต่ำสุดในเดือนกรกฎาคมจากระดับต่ำสุดนั้น เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวก่อนที่จะกลับไปที่เดิมในวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ดังนั้นในการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องอาจจะทำให้สถานะขาลงยังคงแฮปปี้ในช่วงนี้แต่นักลงทุน Bitcoin จะไม่ลืมการปรับฐานตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2011 ถึงปี 2018
จับตาดูโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิด FED มีการกระชับนโยบายอย่างรวดเร็ว
แหล่งอ้างอิงของข่าว
https://www.barrons.com/articles/commodity-prices-palladium-platinum-51638436500