นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตันเปิดเผยในวันนี้ว่า เฟดจะพิจารณาปรับเพิ่มสัดส่วนการถือครองพันธบัตรกระทรวงการคลังระยะสั้น เพื่อให้เฟดมีทางเลือกมากขึ้นในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ในการแถลงสุนทรพจน์ที่ฮ่องกง นายโรเซนเกรนได้กล่าวปกป้องการซื้อพันธบัตร ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการรับมือวิกฤตการเงินโลกปี 2551 ที่ผู้กำหนดนโยบายมีความเห็นขัดแย้งกันมากที่สุด
นายโรเซนเกรน กล่าวว่า การถือครองพันธบัตรระยะสั้นอาจช่วยเฟดรับมือกับวิกฤตในอนาคต โดยเฟดสามารถแลกเปลี่ยนพันธบัตรระยะสั้นเป็นพันธบัตรระยะยาว เพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง โดยไม่ต้องขยายงบดุลบัญชีของเฟด
ทั้งนี้ นายโรเซนเกรนเป็นหนึ่งในกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดที่มีสิทธิลงมติในปีนี้
นายโรเซนเกรน กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงแตะระดับต่ำสุดใกล้ 0% อีกครั้งในช่วงเศรษฐกิจถดถอย และการซื้อพันธบัตรจะเป็นทางเลือกหนึ่ง โดยในปัจจุบันเฟดกำหนดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ในช่วง 2.25-2.5%
นายโรเซนเกรนกล่าวในการประชุมด้านการลงทุนในเอเชียที่จัดโดยเครดิต สวิส ในฮ่องกงว่า บางคนมองว่า งบดุลบัญชีของเฟดมีส่วนทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินช่วงสิ้นปี 2561 แต่เขาไม่เห็นด้วย โดยกล่าวว่า เฟดได้ปรับลดงบดุลบัญชีลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป และดำเนินไปในแนวทางเดียวกันทั้งเมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้นและปรับตัวลง
อ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/iq27/2971908