JMT ย้ำตำแหน่งเบอร์หนึ่งผู้ซื้อหนี้มาบริหาร ประกาศปิดดีลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกันเพิ่มอีก 1 ดีล มูลค่าเกือบ 1,000 ล้าน หนุนพอร์ตบริหารหนี้รวมเติบโตราว 1.4 แสนล้าน ขณะที่ รุกซื้อหนี้ด้อยคุณภาพประเภทมีหลักประกันเข้ามาบริหารเพิ่ม ซึ่งผลงานเป็นที่น่าพอใจ ดันทั้งปี 61 เติบโต 30% ตามเป้าหมาย
นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัทฯ ได้ปิดดีลการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพประเภทไม่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร มูลค่ารวมเกือบ 1,000 ล้านบาท สนับสนุนแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/2561 ของบริษัทฯ คาดเติบโตโดดเด่น ทำนิวไฮรายไตรมาสได้
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีพอร์ตบริหารหนี้รวมอยู่ที่ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกัน อาทิ หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หนี้สินเชื่อบัตรเครดิต สะท้อนหนี้ด้อยคุณภาพ (Non-Performing Loan : NPL) ในประเทศไทยยังเติบโตสูง ขณะที่สถาบันการเงินต่างทยอยขายหนี้ออกมาในช่วงปลายปีจำนวนมาก
สำหรับแผนการซื้อหนี้แบบมีหลักประกันเข้ามาบริหาร บริษัทฯ ได้เข้าไปรุกในตลาดดังกล่าวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความแข็งแกร่งในฐานะ JMT เป็นผู้นำธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพอยู่แล้ว ได้รับความเชื่อมั่นจากสถาบันการเงิน มีความเชี่ยวชาญ และความพร้อมในเรื่องเงินลงทุน สนับสนุนแนวโน้มผลงานในวันนี้เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม JMT ยังเดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่า งบลงทุนในปีนี้ที่วางไว้จำนวน 4,500 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนปีก่อนหน้าถึง 3 เท่าตัวนั้น จะใช้เงินลงทุนได้ตามแผนที่วางไว้ เพื่อนำไปซื้อหนี้แบบไม่หลักประกันราว 1,500 ล้านบาท และหนี้แบบมีหลักประกันราว 3,000 ล้านบาท เนื่องจากหนี้มีหลักประกันใช้เงินลงทุนสูง แต่ความเสี่ยงน้อยกว่า และได้รับผลตอบแทนที่ดี ทำให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตกว่า 30% จากปีก่อนมีรายได้ 1,361.69 ล้านบาท กำไรสุทธิ 396.13 ล้านบาท ภายใน5 ปีจากนี้ บริษัฯ วางเป้าหมายมีพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรวมแตะ 2 แสนล้านบาท สร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
สำนักข่าวอินโฟเควสท์เรียบเรียงและเพิ่มเติมโดย ForexMonday