“ทรัมป์” จะขึ้นภาษีสินค้าจีน 200,000 ล้านดอลลาร์ จาก 10% เป็น 25% ต่อไป และย้ำคำขู่ที่จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่เหลือทั้งหมด 267,000 ล้านดอลลาร์ ในอัตรา 10% หรือ 25% ขณะเดียวกัน สินค้าจีนที่จะเก็บภาษีในรอบใหม่นี้จะรวมถึงไอโฟนและแล็ปท็อปด้วย หุ้นแอปเปิ้ลร่วงทันที
ในการให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีท เจอร์นัล 4 วันก่อนที่จะมีการประชุมที่มีเดิมพันสูงกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในอาร์เจนตินา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะไม่รับคำขอร้องของจีนที่ให้สหรัฐหยุดขึ้นอัตราภาษีจาก 10% เป็น 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคมนี้
ทรัมป์ กล่าวว่า “ข้อตกลงเดียวคือจีนต้องเปิดประเทศรับการแข่งขันจากสหรัฐ” และยังบอกด้วยว่า หากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ เขาจะเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนที่เหลือทั้งหมด โดยหากสหรัฐไม่ตกลง เขาจะเก็บภาษีเพิ่ม 267,000 ล้านดอลลาร์ ในอัตรา 10% หรือ 25%
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของจีนได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ผู้นำทั้งสองจะกำหนดแนวทางเพื่อการเจรจาในอนาคตแต่ประเด็นสำคัญคือจะแก้ไขสงครามการค้าอย่างไร
ทรัมป์ กล่าวว่า ภาษีที่จะเก็บรอบต่อไปอาจรวมถึงแล็บท็อป และไอโฟนที่นำเข้าจากจีน ซึ่งเป็นสินค้าที่อยู่ในรายการสินค้า 267,000 ล้านดอลลาร์ที่ยังไม่โดนเก็บภาษี
โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกใหญ่สุดของจีนที่ส่งไปยังสหรัฐได้รอดพ้นจากการเก็บภาษีของสหรัฐ เนื่องจากคณะบริหารของทรัมป์ได้หาทางลดผลกระทบต่อผู้บริโภคในสหรัฐ
วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า คณะบริหารของทรัมป์เป็นกังวลเกี่ยวกับปฏิกิริยาของผู้บริโภคที่มีต่อการเก็บภาษีสินค้าเหล่านี้
ทรัมป์กล่าวกับวอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่า “อาจจะ” เก็บภาษีโทรศัพท์มือถือและแล็ปท็อป โดยขึ้นอยู่กับว่าจะเก็บในอัตราเท่าไหร่ โดยเขาหมายถึงว่าเขาอาจเก็บภาษี 10% และประชาชนสามารถรับได้
หุ้นแอปเปิ้ลปรับตัวลงหลังชั่วโมงการซื้อขายเมื่อวันจันทร์หลังจากที่มีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของทรัมป์ แต่โฆษกของแอปเปิ้ลยังไม่ได้ให้ความเห็นโดยทันทีต่อเรื่องนี้
ทิม คุ๊ก ซีอีโอของแอปเปิ้ลได้กดดันทรัมป์เป็นการส่วนตัวต่อปัญหาเรื่องภาษี โดยได้แจ้งแก่ทรัมป์ว่า ในขณะที่มีความกังวลที่มีเหตุผลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าของจีนกับสหรัฐ แต่ภาษีไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุดที่จะแก้ปัญหา
แม้ว่าแอปเปิ้ลได้ทำสัญญาให้ผู้ผลิตผลิตสินค้าของบริษัทในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่แอปเปิ้ลก็ได้หาทางที่จะย้ำถึงการอุทิศตนของบริษัทที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกล่าวว่าบริษัทมีแผนการที่จะใช้เงินประมาณ 55,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2561ในบริษัทซัพพลายเออร์ในสหรัฐ
มารี โอเว่นส์ ธอมเซน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกของบริษัท อินโดซูเอซ เวลธ์ แมเนจเมนต์ กล่าวว่าน่าจะมีความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐต่อไปและสร้างปัญหาให้กับตลาด หลังการประชุมสุดยอดจี 20
“สภาคองเกรสได้ให้อำนาจฝ่ายบริหารแก่ประธานาธิบดีที่จะเจรจาโดยไม่จำเป็นต้องรอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสในแต่ละครั้งและทุกครั้ง และตราบเท่าที่มีการมอบอำนาจเช่นนั้นให้กับประธานาธิบดี การค้าจะเป็นประเด็นสำคัญต่อไป และโชคไม่ดีที่ในบรรดาความเป็นไปได้ทั้งหมด การค้าจะยังคงเป็นหนึ่งในม้าศึกที่คณะบริหารชุดนี้ชอบใช้” ธอมเซน กล่าว
ตราสารหุ้นในยุโรปและสหรัฐได้กลับมาเป็นบวกในช่วงสั้น ๆ เมื่อวันอังคาร และดอลลาร์ออสเตรเลียที่มีความอ่อนไหวต่อการค้า พุ่งขึ้นหลังจากมีรายงานว่าทรัมป์และสีได้ตกลงการค้า
เทรดเดอร์ได้รีบดันราคาตราสารยูโรสต็อกซ์ 50 และตราสารดัชนีแดกซ์ ในขณะที่ตราสารดัชนีเอสแอนด์พี และแนสแด็ก ก็ปรับตัวขึ้นเมื่อมีการซื้อขายในช่วงเช้าของตลาดลอนดอน แต่การดีดตัวก็ได้หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อรายงานของสื่อหมายถึงการสนทนาทางโทรศัพท์ของสีและทรัมป์เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน
Source: ข่าวหุ้น