เฟด เผยผลวิจัยเกี่ยวกับ Stablecoin แล้ว!!! ในรายงานมีการศึกษาความเสี่ยง ศักยภาพ และแนวทางบรรเทาความเสี่ยงของภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นจาก Stablecoin ต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ในวันนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานการวิจัยใหม่ที่ศึกษาเกี่ยวกับ Stablecoin ที่มุ่งเน้นไปในเรื่องความเสี่ยงและศักยภาพของสินทรัพย์ดิจิทัล
จากการวิจัยพบว่า ในปัจจุบัน Stablecoin มีผลกระทบต่อตัวกลางสินเชื่อและงบดุลของธนาคารกลาง และยังกล่าวถึงภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลาง รวมถึงศึกษาวิธีในการบรรเทาความเสี่ยงนี้ด้วย
Safe haven assets หรือสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนใช้ในการหลบภัยยามตลาดไม่ปลอดภัย หากเปรียบเทียบกับเหรียญคริปโทจะเห็นว่ามีเพียงบางเหรียญที่มูลค่ามักคงที่ เช่น Tether ที่ตรึงมูลค่าเหรียญอ้างอิงจากดอลลาร์ มักเป็นเหรียญที่ชาวคริปโทส่วนมากใช้ในการหลบภัยยามตลาดผันผวนหนัก
รายงานพบว่า Stablecoin ที่ตรึงมูลค่าไว้กับดอลลาร์ได้แสดงให้เห็นถึงการมีคุณสมบัติ “เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย” เมื่อเทียบกับสินทรัพย์คริปโทประเภทอื่นๆ โดยราคาของ Stablecoin จะมีมูลค่าสูงขึ้นมากในช่วงที่ตลาดตกต่ำรุนแรง เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ที่ราคาดิ่งลง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเมื่อราคาของ คริปโทเคอร์เรนซี เช่น bitcoin ปรับลดลง นักเทรดมักจะโยกเงินหลบภัยเข้ามาใน stablecoins
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดวิกฤตการณ์แห่ไถ่ถอน stablecoins จำนวนมากพร้อมๆ กัน อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดได้ ดังนั้น ก็อาจจะต้องมีการตรวจสอบบัญชีและมีข้อกำหนดด้านสภาพคล่อง เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวิกฤตินี้ ซึ่งในอดีตเหรียญ stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Tether ก็ได้หลีกเลี่ยงการตรวจสอบอย่างเต็มรูปแบบจากหน่วยงานกำกับดูแล
”เราคิดว่าความไม่แน่นอนประเภทนี้ สามารถจัดการได้ โดยใช้ระบบป้องกันของสถาบันและ/หรือกฎระเบียบที่เหมาะสม อย่างเช่น การตรวจสอบทางการเงินที่โปร่งใส และข้อกำหนดที่เพียงพอเกี่ยวกับสภาพคล่อง แะคุณภาพของเงินสำรองของ stablecoin” รายงานระบุ
รายงานวิจัยของเฟด ยังได้ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบวงกว้างของ Stablecoin ที่มีต่องบดุลของสถาบันการเงินและความสัมพันธ์ของผู้บริโภคกับธนาคาร จากการเปรียบเทียบ Stablecoin ที่สำรองเงินที่ธนาคารกลาง (Narrow banking) และ Stablecoin ที่สำรองเงินที่ธนาคารพาณิชย์ (Two-tiered intermediation)
จากการวิจัยพบว่า Two-tiered intermediation มีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินสหรัฐน้อยกว่าและแม้ว่า Narrow banking จะรับรองมูลค่าที่คงที่ แต่หากทุกคนย้ายเงินจากธนาคารพาณิชย์มาที่ Safe haven stablecoin ระบบการเงินจะตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงทันที
และแม้ว่าการจำกัดการครอบครอง Stablecoin ที่เป็น Narrow banking หรืออัตราดอกเบี้ยเงินสำรองที่แตกต่างกันจะเป็นเสมือนทางออกในเรื่องนี้ แต่หากดูภาพรวมแล้วจะพบว่านำไปสู่การขาดเสถียรภาพของระบบธนาคารและเกินงบดุลของธนาคารกลางได้
รายงานยังระบุด้วยว่า การใช้ Stablecoin ในปัจจุบัน หลักๆ เพื่อการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล การชำระเงินระหว่างบุคคลกับบุคคลในวงแคบ และในโลก DeFi และเมื่อมองไปในอนาคตกรณีการใช้งาน Stablecoin อาจขยายไปยังการอำนวยความสะดวกในการชำระเงินและระบบการเงินในวงกว้างมากขึ้น
แหล่งที่มาของข่าว
https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=amI4WWlreDRFTnc9