กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยในวันจันทร์ (19 ก.ย.) ว่า ชาวต่างชาติซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 แม้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยถูกซ้ำเติมโดยตัวเลขเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทาง
การถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ 7.655 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 7.562 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมิ.ย. และเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.2%
แต่จีนถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงสู่ 8.218 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2552 โดยเวลานั้นจีนถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 7.764 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์ระบุว่า จีนเผชิญแรงกดดันในการยับยั้งไม่ให้เงินหยวนอ่อนค่าลงอีก โดยจีนอาจเข้ามาดำเนินการแทรกแซงเพื่อพยุงค่าเงินหยวนด้วยวิธีการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเริ่มต้นเดือนก.ค.ที่ 3.858% ก่อนเพิ่มขึ้น 0.099% สู่ 3.957% ภายในสิ้นเดือนก.ค.
“ต่างชาติซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้อัตราดอกเบี้ยจะมีความผันผวนอย่างสูงในเดือนก.ค.ก็ตาม” นายเกนนาดี โกลด์เบิร์ก หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของบริษัททีดี ซีเคียวริตีส์ในรัฐนิวยอร์กระบุ
“การถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐโดยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นหลัก ๆ นั้น มาจากหมู่เกาะเคย์แมน, ลักเซมเบิร์ก และเบอร์มิวดา โดยซื้อผ่านกลุ่มผู้ดูแลทรัพย์สิน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะทราบได้อย่างแน่ชัดว่า แท้จริงแล้วใครเป็นผู้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเหล่านั้น” นายโกลด์เบิร์กระบุเสริม
รายงานระบุว่า ญี่ปุ่นยังคงเป็นต่างชาติที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุดที่ 1.112 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1.105 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมิ.ย.
แหล่งที่มาของข่าว…