EUR/USD ยังคงพยายามรักษากำไรจากวันจันทร์ไว้ได้ แต่เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ แถวระดับ 1.1800 ข้อมูล PMI จากสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจของภาคเอกชนยังคงขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่งในช่วงต้นเดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงหลีกเลี่ยงการเข้าถือสถานะใหญ่ ๆ ก่อนที่จะได้ฟังคำกล่าวของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์
—
### ภาพรวมทางเทคนิค EUR/USD
กราฟรายวันของคู่เงิน EUR/USD แสดงให้เห็นว่าราคายังคงถูกจำกัดอยู่ในกรอบแคบภายในวัน โดยเคลื่อนไหวใกล้ระดับราคาเปิด ความเสี่ยงยังคงโน้มเอียงไปทางขาขึ้น แม้ว่าจะเริ่มสูญเสียแรงส่งไปบ้างแล้วก็ตาม ตัวชี้วัดทางเทคนิคหันลงเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในโซนบวก ซึ่งช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน EUR/USD ยังคงยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) ที่มีแนวโน้มขาขึ้นเล็กน้อย ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับแบบไดนามิกบริเวณ 1.1730 นอกจากนี้ เส้นค่าเฉลี่ย 100 และ 200 SMA ยังคงชี้ขึ้นอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยที่สั้นกว่า สอดคล้องกับความต้องการดอลลาร์สหรัฐที่ยังคงจำกัด
ในระยะสั้น ภาพรวมค่อนข้างเป็นกลาง กราฟ 4 ชั่วโมงแสดงให้เห็นว่า ตัวชี้วัดโมเมนตัมเคลื่อนไหวไร้ทิศทางเล็กน้อยเหนือเส้นค่า 100 ขณะที่ดัชนี Relative Strength Index (RSI) หันลงเล็กน้อยและอยู่บริเวณ 53 สุดท้าย คู่เงิน EUR/USD ยังคงเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั้งหมด โดยมีเส้นค่าเฉลี่ย 20 SMA ที่แบนราบทำหน้าที่เป็นแนวรับระหว่างวันบริเวณ 1.1770
**แนวรับ:** 1.1770 1.1730 1.1690
**แนวต้าน:** 1.1820 1.1855 1.1890
—
### ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
คู่เงิน EUR/USD ซื้อขายอยู่ต่ำกว่าระดับ 1.1800 เล็กน้อย ยังคงถูกจำกัดอยู่ในระดับคุ้นเคย ขณะที่ผู้เข้าร่วมตลาดรอเบาะแสใหม่ ๆ เกี่ยวกับพัฒนาการทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงคำกล่าวจากประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์
ตลาดการเงินยังคงเคลื่อนไหวอยู่รอบ ๆ การตัดสินใจล่าสุดของเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการส่งสัญญาณว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยังคงเผชิญแรงกดดัน แม้ว่ากระแสขาลงที่เด่นชัดเริ่มชะลอตัวลงแล้วหลังจากที่ตลาดมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงิน
ตลอดทั้งวัน นักลงทุนยังคงตอบสนองต่อข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่ผสมผสานกัน โดยธนาคารพาณิชย์ฮัมบวร์ก (HBOC) ได้เผยประมาณการเบื้องต้นของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือนกันยายน ข้อมูลจากสหภาพยุโรปออกมาแบบคละกัน โดยผลผลิตภาคการผลิตปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ดัชนีภาคบริการออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ดัชนี Composite PMI อยู่ที่ 51.2 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 51.1 และสูงกว่าค่าก่อนหน้าที่ 51 เล็กน้อย
ต่อไปจะเป็นการประกาศดัชนี PMI ของสหรัฐฯ โดย S\&P Global ซึ่งคาดว่าผลผลิตทั้งภาคการผลิตและภาคบริการจะยังคงขยายตัวอย่างมั่นคง โดยดัชนี Composite PMI คาดว่าจะออกมาที่ 54.6 เท่ากับตัวเลขเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ ประธานเฟด พาวเวลล์ มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในการประชุม Greater Providence Chamber of Commerce Economic Outlook Luncheon ที่โรดไอแลนด์ นักลงทุนเชิงเก็งกำไรจะจับตาดูข้อมูลและคำกล่าวของพาวเวลล์เพื่อหาสัญญาณยืนยันความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินอยู่

